ระบบ EMR กับการจัดการเวชระเบียน ทางออกเพื่อการรักษาที่แม่นยำและปลอดภัย

การจัดเก็บข้อมูลเวชระเบียนถือเป็นหัวใจสำคัญของการดูแลผู้ป่วย เพราะทุกประวัติการรักษา รายละเอียดการวินิจฉัย และผลการตรวจล้วนมีผลต่อการตัดสินใจทางการแพทย์ การนำ ระบบ EMR (Electronic Medical Record) หรือระบบเวชระเบียนอิเล็กทรอนิกส์ จึงเป็นทางออกที่ช่วยให้โรงพยาบาลสามารถดูแลข้อมูลผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ เข้าถึงได้รวดเร็ว และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น 

ในบทความนี้เราจะพาทุกคนไปเจาะลึกถึงบทบาท และฟังก์ชันการทำงานของระบบ EMR ว่าคืออะไร และสามารถช่วยยกระดับงานเวชระเบียนในโรงพยาบาลอย่างไรบ้าง


ระบบ EMR คืออะไร สำคัญต่องานเวชระเบียน อย่างไร ?

ระบบ EMR หรือชื่อเต็ม Electronic Medical Record แปลเป็นไทยคือระบบเวชระเบียนอิเล็กทรอนิกส์ เป็นหนึ่งในระบบสารสนเทศสำหรับโรงพยาบาล ซึ่งจะทำหน้าที่ในการจัดเก็บข้อมูลการรักษาต่าง ๆ ของคนไข้ จากเดิมที่เป็นการบันทึกผ่านรูปแบบเอกสาร ที่เสี่ยงต่อการสูญหาย และยากต่อการค้นหา ให้กลายเป็นแบบดิจิทัลแทน ทั้งนี้การทำงานของ ระบบ EMR จะเป็นส่วนหนึ่งของ ระบบ HIS หรือสารสนเทศโรงพยาบาล ที่ดูแลระบบทั้งหมดอีกที 

สำหรับข้อดีในการเปลี่ยนการจัดการเวชระเบียน จากรูปแบบกระดาษสู้ดิจิทัลนั้น จะช่วยพลิกโฉมในการดูแลสุขภาพให้ออกมามีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยให้แพทย์สามารถเข้าถึงข้อมูลแบบเรียลไทม์ ทำให้ง่ายต่อการตัดสินใจต่าง ๆ รวมถึงลดโอกาสเกิดความผิดพลาดในการจัดการข้อมูลที่มีจำนวนมหาศาล

ทำความรู้จักว่า ระบบ HIS คืออะไร มีประโยชน์ต่อโรงพยาบาลยุคใหม่ยังไงบ้าง
ได้ที่บทความ: ระบบ HIS: หัวใจสำคัญของการบริหารจัดการโรงพยาบาลยุคใหม่

โดยประโยชน์ของการนำระบบ EMR มาปรับใช้กับโรงพยาบาล มีดังนี้ 

  1. ยกระดับการดูแลรักษาผู้ป่วย ระบบ EMR จะทำหน้าที่บันทึกและแสดงผลการรักษาของผู้ป่วยโดยละเอียด ตั้งแต่ น้ำหนัก, ส่วนสูง, ระดับคอเลสเตอรอล รวมถึงประวัติการวินิจฉัยที่ผ่านมา ทำให้ผู้ป่วยและแพทย์วางแผนการรักษาที่ต่อเนื่องได้แม่นยำ
  2. ลดพื้นที่การใช้เอกสาร การใช้ระบบ EMR จะช่วยให้โรงพยาบาลสามารถประหยัดการใช้พื้นที่จำนวนมาก ให้อยู่ในระบบฐานข้อมูล ช่วยต่อการลดใช้กระดาษที่เป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อน 
  3. ลดความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น บางครั้งการจัดการข้อมูลเวชระเบียนคนไข้จำนวนมาก อาจเกิดการตกหล่น หรือผิดพลาด ดังนั้นระบบ EMR จึงช่วยลดความผิดพลาด และจัดการข้อมูลได้อย่างแม่นยำ
  4. เชื่อมต่อกับสถานพยาบาลอื่น ๆ กรณีที่ผู้ป่วยต้องส่งตัวรักษา ระบบ EMR จะสามารถแพทย์แต่ละแห่งสามารถเข้าถึงประวัติการรักษาได้ทันที เพื่อให้การรักษาเกิดความต่อเนื่องมากขึ้น

คุณสมบัติของ EMR ในงานเวชระเบียน มีอะไรบ้าง ?

ภายในระบบ EMR จะประกอบไปด้วยฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่เพิ่มความสะดวกในการจัดการข้อมูลคนไข้ ซึ่งประกอบไปด้วยคุณสมบัติ ดังนี้

1. การจัดการข้อมูลผู้ป่วยแบบรวมศูนย์

เป็นส่วนที่เป็นเหมือนหัวใจหลักของระบบ EMR ก็ว่าได้ เนื่องจากเป็นระบบที่ทำหน้าที่บันทึกข้อมูล และประวัติการรักษาของผู้ป่วยโดยละเอียด เช่น ประวัติการวินิจฉัยโรค, แนวทางการรักษา และประวัติการแพ้ยา  เป็นต้น ซึ่งระบบ EMR จะทำหน้าที่เป็นฐานข้อมูลดิจิทัล เพื่อให้ทุกแผนกในโรงพยาบาลสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง เข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ 

2. การเข้าถึงข้อมูลผู้ป่วยแบบเรียลไทม์

ระบบ EMR จะช่วยให้เจ้าหน้าที่ และบุคลากรทางการแพทย์สามารถเข้าถึงข้อมูลของคนไข้แบบเรียลไทม์ เป็นข้อมูลที่ผ่านการอัปเดต เป็นปัจจุบันที่สุด เพื่อให้การรักษา หรือส่งต่อคนไข้ มีความต่อเนื่อง ลดโอกาสผิดพลาด และช่วยให้แพทย์สามารถตัดสินใจในการรักษาได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ ในกรณีที่แพทย์ต้องส่งตัวไปรักษาโรงพยาบาลอื่นแบบโดยด่วน

3. การจัดทำเอกสารอย่างมีประสิทธิภาพ

การใช้ระบบ EMR จะช่วยยกระดับการจัดการข้อมูลผู้ป่วย จากรูปแบบเดิมที่เน้นใช้กระดาษ หรือเอกสาร ซึ่งเสี่ยงต่อการจัดการข้อมูลที่ผิดพลาด หรือเกิดความล่าช้าในการจัดการข้อมูล จนสร้างความไม่พอใจต่อคนไข้ ซึ่งการปรับเปลี่ยนมาสู่ระบบ EMR นั้น ระบบจะทำการบันทึกข้อมูลต่าง ๆ เข้าสู่ระบบโดยอัตโนมัติ ลดโอกาสเกิดความผิดพลาด ข้อมูลคนไข้มีความปลอดภัยมากขึ้น เพราะอยู่ในฐานข้อมูลที่จำกัดการเข้าถึง

4. การสนับสนุนการตัดสินใจทางคลินิก

ระบบ EMR จะยกระดับการรักษาผู้ป่วย ด้วยเครื่องมือสนับสนุนการตัดสินใจทางคลินิก โดยจะทำหน้าที่ช่วยวิเคราะห์ วินิจฉัยอาการเบื้องต้น เพื่อลดภาระของบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงช่วยให้การตัดสินใจรักษา เกิดความแม่นยำ ทำห้กระบวนการรักษาเป็นไปอย่างลื่นไหล มีคุณภาพ


ระบบ EMR มีความสำคัญต่อใครบ้าง

ระบบ EMR นั้น มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อ แพทย์ทุกสาขา และทุกแผนกภายในโรงพยาบาล ไม่ว่าจะเป็น แพทย์ที่รักษาผู้ป่วย, แผนกจ่ายยา, พยาบาลที่ดูแลคนไข้ และแผนกการเงิน เป็นต้น ซึ่งระบบ EMR จะช่วยต่อการเข้าถึง และจัดการข้อมูลของแต่ละแผนกให้มีความต่อเนื่อง เพิ่มความรวดเร็วในการบริการ สร้างความประทับใจต่อการใช้บริการของคนไข้ 

นอกจากนี้บางโรงพยาบาลยังอนุญาตให้คนไข้เองก็สามารถเข้าถึงระบบ EMR ได้ด้วยตนเอง โดยส่วนใหญ่จะเป็นบริการผ่านแอปพลิเคชันโรงพยาบาล เพื่อให้สามารถตรวจเช็กประวัติการรักษาได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็น สรุปผลการตรวจเลือด, ผลการวินิจฉัย และเช็กวันนัดหมายการตรวจครั้งต่อไป เพื่อให้คนไข้สามารถใส่ใจ และหันมาดูแลสุขภาพตนเองมากขึ้น


สรุป

จะเห็นได้ว่า ระบบ EMR ไม่ได้เป็นเพียงแค่การแปลงข้อมูลเวชระเบียนจากกระดาษสู่ดิจิทัล แต่ยังเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยพัฒนาระบบสาธารณสุขทั้งโรงพยาบาลและผู้ป่วยไปพร้อมกัน ตั้งแต่การยกระดับคุณภาพการรักษา ลดความผิดพลาดด้านข้อมูล ไปจนถึงการเพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูลสุขภาพทั้งของบุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วยเอง ดังนั้นการปรับใช้ ระบบ EMR จึงถือเป็นการลงทุนระยะยาวที่ช่วยสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับการดูแลสุขภาพในอนาคตอย่างแท้จริง

หากโรงพยาบาลไหนที่ต้องการระบบ EMR เพื่อเข้ามาช่วยยกระดับงานโรงพยาบาล ให้เกิดคุณภาพการให้บริการ และการรักษา ขอแนะนำ HA.OS ที่มีระบบสารสนเทศสำหรับโรงพยาบาลโดยเฉพาะ ทั้งงานเวชระเบียน, ระบบบันทึกข้อมูลอัตโนมัติ และเวชสถิติ เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างมีคุณภาพ และทันสมัยเข้ากับยุคดิจิทัล

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *