ปัญหาการจัดการโรงพยาบาลไทย เป็นประเด็นที่อยู่คู่ระบบสาธารณสุขมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นบุคลากรทางการแพทย์ที่ไม่เพียงพอ การรอคิวนาน การส่งต่อผู้ป่วยที่ขาดความต่อเนื่อง ไปจนถึงการขาดความเชื่อมั่นของผู้ป่วยต่อคุณภาพการรักษา เมื่อประกอบกับจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นจากโรคระบาดและปัญหาสุขภาพยุคใหม่ ยิ่งทำให้โรงพยาบาลในไทยต้องเผชิญความท้าทายมากขึ้นกว่าเดิม
ในบทความนี้เราจะมาพูดถึง 5 ปัญหายอดฮิตโรงพยาบาลไทยมักเจอ และจะสามารถรับมือหรือแก้ไขปัญหาได้อย่างไรบ้าง
ปัจจัยอะไรที่สาเหตุปัญหาการจัดการ โรงพยาบาลไทย
หากพูดถึงปัญหาเกี่ยวกับการจัดการ และการให้บริการของโรงพยาบาลไทยนั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่โรงพยาบาลในไทยเผชิญมานานหลายสิบปี โดยส่วนใหญ่จะเกิดจากปัญหา เช่น คุณภาพการให้บริการ, ลักษณะอาการป่วยของผู้ป่วย, สภาพแวดล้อมของสถานให้บริการ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ เป็นต้น
ซึ่งปัญหาเหล่านี้ล้วนแต่เป็นส่วนส่งเสริมที่เกิดปัญหาโรงพยาบาลเรื้อรัง นำมาสู่คุณภาพการให้บริการที่ด้อยคุณภาพ ผู้ใช้บริการต้องรอนานเพื่อขอรับการตรวจรักษา ผู้ป่วยเกิดความไม่มั่นใจในคุณภาพของการให้บริการ ส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ชื่อเสียงโรงพยาบาล และทำให้เกิดปัญหาขาดทุนตามมาในภายหลัง
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องท้าทายของโรงพยาบาลไทย ในการปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพการให้บริการ ซึ่งในปัจจุบันที่เข้าสู่ยุคดิจิทัล ได้มีหลายโรงพยาบาลนำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาแก้ไขปัญหาการให้บริการ รวมถึงการดูแลคนไข้ และปรับเปลี่ยนให้กลายเป็น Smart Hospital เพื่อให้ผู้ป่วยที่เข้ามาใช้บริการเกิดความไว้วางใจ ประทับใจต่อการบริการมากขึ้น
ทำความรู้จัก Smart Hospital และเข้าใจ 4 องค์ประกอบที่เปลี่ยนโรงพยาบาลให้เป็น Smart Hospital
ได้ที่บทความ: Smart Hospital คืออะไร? เจาะลึกความแตกต่างและกลยุทธ์สู่โรงพยาบาลยุคดิจิทัล

5 ปัญหา ระบบจัดการโรงพยาบาลไทย
ปัญหาและความท้าทายที่ โรงพยาบาลไทย ต้องเผชิญในปัจจุบัน ประกอบไปด้วยปัญหาต่าง ๆ ดังนี้
1. ปริมาณคนไข้ที่เยอะกว่าคนรักษา
เป็นที่เข้าใจกันดีว่าโรงพยาบาลไทยประสบปัญหาเรื่องบุคลากรที่ไม่เพียงพอมาโดยตลอด โดยเฉพาะในยุคที่ประชากรมีเยอะมากขึ้น และความเจ็บป่วยก็หลากหลายมากกว่าเดิม ส่งผลให้หลายโรงพยาบาลไทย เผชิญปัญหาคนไข้ที่มีมากกว่าคนรักษา ส่งผลต่อคุณภาพการให้บริการที่เกิดความล่าช้า ต้องรอการให้บริการที่นานขึ้น และเสี่ยงต่อความผิดพลาดในกระบวนการรักษา
สำหรับแนวทางการรับมือในปัจจุบัน หลายโรงพยาบาลเลือกใช้ระบบ HIS มาใช้ในการทำงาน ซึ่งเป็นระบบสารสนเทศสำหรับโรงพยาบาลเพื่อช่วยลดภาระงานของบุคลากรในแผนกต่าง ๆ ให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การจัดการข้อมูลระเบียนคนไข้, ระบบจัดยา และระบบการจัดการคิว ที่ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถได้รับการบริการที่มีคุณภาพมากขึ้น
2. การส่งต่อผู้ป่วย
อีกหนึ่งปัญหาที่โรงพยาบาลไทย มักเผชิญคือการส่งต่อผู้ป่วยที่ไม่มีประสิทธิภาพ ขาดความต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่มักเกิดจากระบบงานของแต่ละโรงพยาบาลที่มีความซับซ้อน ผ่านหลายขั้นตอน จนทำให้เกิดความล่าช้า รวมถึงโรงพยาบาลที่รับการส่งต่ออาจมีโครงสร้างที่แตกต่างกัน ทำให้การรักษาขาดความต่อเนื่อง และอาจส่งผลกระทบต่อการรักษาในระยะยาว
ซึ่งวิธีแก้ปัญหาส่งต่อผู้ป่วยให้เกิดความต่อเนื่องมากขึ้น โรงพยาบาลควรเลือกใช้ระบบสารสนเทศ หรือระบบ HIS เพื่อเข้ามาช่วยจัดการในส่วนของข้อมูลเวชระเบียนผู้ป่วย เพื่อให้แพทย์สามารถดูประวัติการรักษาที่ผ่านมาได้ ส่งผลให้การรักษาสามารถดำเนินการได้อย่างไร้รอยต่อ และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
3. กระบวนการรอคิวที่ยาวนาน
หนึ่งในปัญหาของการใช้โรงพยาบาลไทย โดยเฉพาะโรงพยาบาลรัฐบาลมักมีผู้ป่วยเข้ามาใช้บริการจำนวนมาก ท่ามกลางบุคลากรที่ไม่เพียงพอ ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ การรอคิวการตรวจที่ยาวนาน รวมถึงโรงพยาบาลหลายแห่งก็มักใช้ระบบเรียกคิวแบบขานชื่อ ทำให้ผู้ป่วยบางคนไม่ได้ยิน จนต้องกลับมารอคิวการตรวจใหม่ ซึ่งปัญหาเหล่านี้สร้างความ บ่อยครั้งที่สร้างความไม่พอใจให้กับผู้ป่วย และส่งผลต่อภาพลักษณ์การให้บริการของโรงพยาบาล
ระบบสารสนเทศโรงพยาบาล เป็นตัวเลือกสำหรับแก้ไขปัญหาการรอคิวที่ยาวนาน ด้วยฟีเจอร์ที่ให้ผู้ป่วยสามารถรับบัตรคิวการตรวจผ่าน Kiosk, แอปพลิเคชันมือถือ หรือ QR Code ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถติดตามผลได้อย่างเรียลไทม์ ทำให้ผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องนั่งรอพยาบาลเรียกตลอดเวลา แต่สามารถเช็กคิวการตรวจผ่านมือถือได้ทันที เพิ่มความยืดหยุ่นในการรอคิวรับการรักษามากขึ้น
4. ขาดความเชื่อมั่นในการรักษา
จากปัญหาที่กล่าวมาข้างต้น ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของโรงพยาบาลไทย ที่ทำให้ประชาชนหรือผู้ป่วยขาดความเชื่อมั่นที่จะขอใช้บริการ ไม่ว่าจะเป็นการรอคิวยาวนาน, การบริการที่ไม่มีคุณภาพ รวมถึงการรักษาที่ขาดประสิทธิภาพ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว เกิดจากโรงพยาบาลขาดระบบสารสนเทศที่ดี ส่งผลให้การทำงานบุคลากรยุ่งยาก ซับซ้อน
ดังนั้นการเลือกใช้ระบบสารสนเทศโรงพยาบาลจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพราะนอกจากจะเพิ่มคุณภาพการบริการที่ดีแล้ว ยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับโรงพยาบาลอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นระบบจัดการข้อมูลที่มีคุณภาพ มีความปลอดภัย รวมถึงระบบจัดการงานส่วนต่าง ๆ เป็นขั้นเป็นตอน เพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกเชื่อมั่นในโรงพยาบาลอีกครั้ง
5. สุขภาพของผู้คนที่แย่ลง
ทุกวันนี้ผู้คนต่างเผชิญกับปัญหาเรื่องสุขภาพกันมากขึ้น นับตั้งแต่โรคระบาดอย่าง โควิด-19, ปัญหาโรคร้ายจากฝุ่น PM 2.5 และมลภาวะต่าง ๆ นอกจากนี้ยังรวมถึงพฤติกรรมการกิน ที่ทำให้คนที่อายุไม่เยอะก็สามารถเกิดโรคร้ายได้ ดังนั้นโรงพยาบาลในยุคนี้จะต้องพร้อมปรับตัวคุณภาพการบริการ และระบบการทำงานต่าง ๆ เพื่อพร้อมรองรับต่อจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มมากขึ้น
ซึ่งระบบสารสนเทศโรงพยาบาลนั้น คือตัวช่วยสำคัญที่ทุกโรงพยาบาลไม่ควรมองข้าม การนำระบบสารสนเทศมาใช้ไม่เพียงแค่เพิ่มคุณภาพการบริการเท่านั้น แต่ยังช่วยลดปัญหาการทำงานซ้ำซ้อน โอกาสผิดพลาดในการทำงาน และช่วยลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นให้กับโรงพยาบาลอีกด้วย
ทำความเข้าใจถึงความสำคัญและบทบาทต่าง ๆ ของ ระบบ HIS ต่อโรงพยาบาล
ได้ที่บทความ: ระบบ HIS สำคัญยังไง? เมื่อเทคโนโลยีช่วยให้โรงพยาบาลทำงานได้ลื่นไหล
สรุป
โดยสรุปแล้ว ปัญหาการจัดการ โรงพยาบาลไทย มักเกิดจาก 5 ปัจจัยหลัก ได้แก่ บุคลากรไม่เพียงพอ การส่งต่อผู้ป่วยที่ล่าช้า ระบบคิวที่ยาวนาน ความไม่มั่นใจในการรักษา และสุขภาพของประชาชนที่ย่ำแย่ลง การแก้ปัญหาเหล่านี้ไม่อาจทำได้เพียงชั่วข้ามคืน แต่ด้วยการปรับใช้ เทคโนโลยีดิจิทัลและระบบ HIS โรงพยาบาลจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดความผิดพลาด และสร้างความพึงพอใจให้ผู้ป่วยได้มากขึ้น ที่สำคัญยังช่วยวางรากฐานการก้าวไปสู่ Smart Hospital ซึ่งเป็นแนวทางใหม่ในการยกระดับคุณภาพบริการสาธารณสุขไทยให้ทันสมัยและยั่งยืน
สำหรับโรงพยาบาลไหนที่ต้องการระบบ HIS เข้าไปช่วยยกระดับการให้บริการ และการทำงานในโรงพยาบาล ขอแนะนำ HA.OS ที่พร้อมช่วยให้โรงพยาบาลสามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดภาระงานซ้ำซ้อน ลดการใช้เอกสาร และดูแลคนไข้ได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
