ในยุคที่วงการแพทย์ต้องเผชิญกับความท้าทายทั้งด้านเทคโนโลยี ความปลอดภัย และคุณภาพข้อมูล ระบบ HIS (Hospital Information System) ได้กลายเป็นหัวใจสำคัญในการยกระดับมาตรฐานการรักษาและการบริหารจัดการโรงพยาบาล ปัจจุบันระบบ HIS ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงเก็บข้อมูล แต่ยังช่วยเชื่อมโยงทุกภาคส่วนให้ทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น ขณะเดียวกันแนวโน้มในอนาคตของระบบ HIS กำลังมุ่งไปสู่การใช้นวัตกรรมต่าง ๆ เพื่อพัฒนาคุณภาพการทำงานให้ดียิ่งขึ้น
ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงแนวโน้มการเติบโตในอนาคตของระบบ HIS ว่าเป็นอย่างไร มีเทคโนโลยีใดบ้างที่จะพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น เพื่อยกระดับโรงพยาบาลยุคใหม่
ความท้าทายของระบบ HIS ในปัจจุบัน
ในปัจจุบันระบบสารสนเทศสำหรับโรงพยาบาลหรือ ระบบ HIS ยังมีความท้าทายในหลากหลายด้านไม่ว่าจะเป็น ด้านเทคโนโลยี ความปลอดภัย และการจัดการคุณภาพของข้อมูลที่ยังต้องพัฒนาระบบอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พร้อมตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นของโรงพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ และยังคงรักษามาตรฐานการดูแลผู้ป่วยให้ดีที่สุด
อีกหนึ่งความปัญหาของระบบ HIS คือความสามารถของระบบในการเชื่อมต่อและสื่อสารข้อมูลระหว่างกันได้อย่างราบรื่น เนื่องจากในยุคที่การแพทย์มีการเชื่อมโยงกันมากขึ้น การให้ข้อมูลสามารถไหลเวียนได้อย่างอิสระจึงเป็นสิ่งจำเป็น ไม่ว่าจะเป็นระหว่างโรงพยาบาลด้วยกัน หรือคลินิก ซึ่งโรงพยาบาลจำเป็นต้องใช้ มาตรฐานกลางในการจัดรูปแบบและแลกเปลี่ยนข้อมูล แต่ปัญหาคือบางโรงพยาบาลยังใช้ ซอฟต์แวร์เก่าหรือระบบที่ไม่สอดคล้องกัน นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน และการฝึกอบรมบุคลากร เพื่อให้พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน
โดยทาง HA.OS ได้เห็นถึงปัญหาดังกล่าว จึงได้มีการออกแบบระบบ HIS สำหรับโรงพยาบาล ที่ครอบคลุมงานทุกส่วนในโรงพยาบาล เพื่อให้สามารถทำงานร่วมงานได้อย่างง่ายดาย และมีหน้าตาที่ใช้งานง่าย พร้อมยกระดับงานสารสนเทศในโรงพยาบาลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทำความรู้จักว่า ระบบ HIS คืออะไร มีประโยชน์ต่อโรงพยาบาลยุคใหม่ยังไงบ้าง
ได้ที่บทความ: ระบบ HIS: หัวใจสำคัญของการบริหารจัดการโรงพยาบาลยุคใหม่

อนาคตของระบบสารสนเทศโรงพยาบาล
สำหรับแนวโน้มในอนาคตของระบบ HIS มีทิศทางการเติบโต และพัฒนาเทคโนโลยีที่มีคุณภาพมากขึ้น ในทิศทางต่าง ๆ ดังนี้
1. พลังของ AI เข้ามายกระดับการรักษา
ทุกวันนี้ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตผู้คนมากขึ้น ซึ่งในอนาคตเทคโนโลยี AI อาจกลายเป็นฟังก์ชันหลักของระบบ HIS โดยหน้าที่ของ AI คือการเพิ่มศักยภาพในการรักษา เช่น การช่วยวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ เพื่อระบุผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง และการยกระดับฟีเจอร์ที่มีอยู่แล้ว เช่น Clinical Decision Support โดยให้คำปรึกษาต่อแพทย์แบบเรียลไทม์ มีความแม่นยำในการวินิจฉัยมากขึ้น
2. การแลกเปลี่ยนข้อมูลผู้ป่วยอย่างไร้รอยต่อ
หนึ่งในคุณสมบัติจำเป็นของระบบ HIS ยุคใหม่คือการสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลผู้ป่วยอย่างไร้รอยต่อ ระหว่างโรงพยาบาลและคลินิก เพื่อให้การรักษาของคนไข้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยแพทย์สามารถเข้าถึงประวัติการรักษาคนไข้ได้ทันที ผ่านระบบที่เชื่อมโยงถึงกันได้ นอกจากนี้การแลกเปลี่ยนที่ไร้รอยต่อยังช่วยต่อการวิเคราะห์เชิงสถิติจากข้อมูลจำนวนมหาศาลเพื่อสนับสนุนโครงการด้านสุขภาพของประชาชน
3. การเติบโตของอุปกรณ์สวมใส่ Wearables และ IoT
การทำงานของระบบ HIS ในอนาคตจะเน้นเพิ่มความสะดวกต่อผู้ป่วยมากขึ้น ผ่านเครื่องมือที่สะดวกผ่านอุปกรณ์แบบสวมใส่ (Wearables) และอุปกรณ์แบบ IoT (Internet of Things) ที่ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงข้อมูลสุขภาพแบบเรียลไทม์ เหมาะอย่างยิ่งต่อการตรวจรักษาและเฝ้าระวังอาการป่วยทางไกล แบบ Telemedicine ทำให้การรักษาสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปที่โรงพยาบาลเสมอไป
เข้าใจระบบการรักษาทางไกล Telemedicine ว่าพลิกโฉมการดูแลสุขภาพอย่างไร
ได้ที่บทความ: Telemedicine ดูแลสุขภาพจากที่บ้าน สะดวก รวดเร็ว เข้าถึงง่าย
4. สร้างการมีส่วนร่วมของผู้ป่วย
ระบบ HIS จะมุ่งเน้นไปที่ การมีส่วนร่วมของผู้ป่วย โดยผู้ป่วยจะสามารถเข้าถึงเวชระเบียนของตนเองได้อย่างปลอดภัย รวมถึงตรวจสอบนัดหมายแพทย์ได้ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังช่วยต่อการส่งเสริมการดูแลสุขภาพของผู้ป่วยผ่านระบบการสื่อสารระหว่างผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อให้ได้รับคำแนะนำการดูแลสุขภาพที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลดีต่อการรักษาโรคในระยะยาว
5. ความปลอดภัยไซเบอร์เป็นหัวใจสำคัญ
เนื่องจากระบบ HIS ต้องจัดการกับข้อมูลสุขภาพที่มีความอ่อนไหว เช่น ข้อมูลชื่อ, ที่อยู่, ประวัติการรักษา และประวัติการแพ้ยาของผู้ป่วย เป็นต้น ดังนั้นมาตรการความปลอดภัยไซเบอร์ที่เข้มแข็ง จึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งระบบ HIS ยังมีการพัฒนาฟังก์ชันความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต, การป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล ตลอดจนการรักษาความสมบูรณ์และความพร้อมใช้งานของระบบให้ปลอดภัยจากการโจมตีทางไซเบอร์
6. การดูแลสุขภาพที่เน้นคุณภาพมากขึ้น
ในอนาคตนอกจากระบบ HIS จะเป็นตัวช่วยเพื่อยกระดับการดูแลรักษาคนไข้แล้ว ยังเป็นเครื่องมือในการช่วยติดตามและประเมินคุณภาพการรักษา เพื่อนำไปสู่การดูแลสุขภาพที่เน้นคุณค่า (Value-Based Care) ซึ่งไม่ใช่เพียงการรักษาโรค แต่ยังรวมถึงการป้องกันผู้ป่วยจากโรคร้ายแรง โดยระบบจะช่วยระบุผู้ป่วยที่ควรได้รับการตรวจเชิงป้องกัน วิเคราะห์กระบวนการรักษา และเปรียบเทียบประสิทธิผลของวิธีการรักษาต่าง ๆ เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์รักษาได้อย่างถูกต้องแม่นยำ
สรุป
จะเห็นได้ว่า ระบบ HIS ไม่เพียงแต่ช่วยให้โรงพยาบาลทำงานได้อย่างเป็นระบบและปลอดภัย แต่ยังเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับมาตรฐานการรักษาในอนาคต ทั้งการใช้ AI เพื่อวิเคราะห์ การแลกเปลี่ยนข้อมูลสุขภาพแบบไร้รอยต่อ การรองรับอุปกรณ์สวมใส่ IoT รวมถึงการสร้างการมีส่วนร่วมของผู้ป่วย ขณะเดียวกันระบบยังคงพัฒนาเรื่อง ความปลอดภัยและการดูแลสุขภาพที่เน้นคุณค่า (Value-Based Care) เพื่อมุ่งสู่การรักษาที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนอย่างแท้จริง
สำหรับโรงพยาบาลไหนที่ต้องการนำระบบ HIS เพื่อไปพัฒนาประสิทธิภาพการให้บริการและการรักษา ขอแนะนำ HA.OS ที่มีระบบให้บริการด้านการแพทย์แบบครอบคลุมทุกแผนกที่เกี่ยวข้อง พร้อมฟีเจอร์ที่ใช้งานง่าย มีความปลอดภัยสูง พร้อมพาโรงพยาบาลของคุณเติบโตในยุคดิจิทัล
